วิธีใช้เทคนิค จัดหมวดหัวข้อ H1 ถึง H6 เพื่อโครงสร้างเพจที่ดีสำหรับ SEO

วิธีใช้เทคนิค จัดหมวดหัวข้อ H1 ถึง H6 เพื่อโครงสร้างเพจที่ดีสำหรับ SEO

เรียนรู้วิธีจัดโครงสร้างหน้าเว็บด้วยการใช้ Header Tags (H1–H6) ที่เหมาะสม เพิ่มโอกาสติดอันดับ SEO ได้ง่ายขึ้น เครื่องมือ Content Optimizer จาก SEOtoolbox.io ช่วยคุณได้ทันที

อัปเดตล่าสุด 9/12/2025

Content Optimizer

เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณเพื่อให้ติดอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา

Website Audit

ตรวจสอบเว็บไซต์ใดๆ หรือตรวจติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์โครงการของคุณเป็นประจำ

ทำไม Header Tags (H1–H6) จึงสำคัญกับ SEO?

Header Tags หรือการตั้งหัวข้อ H1 ถึง H6 คือเครื่องมือสำคัญในการจัดโครงสร้างหน้าเว็บไซต์ ทำให้คอนเทนต์ของคุณอ่านง่ายขึ้น ทั้งสำหรับผู้ใช้และ Search Engine อย่าง Google โดย Header แต่ละระดับมีบทบาทแตกต่างกัน ช่วยแบ่งเนื้อหาให้ชัดเจน เป็นระเบียบ และช่วยให้บอทเข้าใจเรื่องราวในแต่ละหน้าได้ดีขึ้น

ความสำคัญของการใช้ Header Tags

  • ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเนื้อหาอย่างเป็นระบบ
  • เพิ่มประสบการณ์และความเข้าใจให้กับผู้อ่าน
  • ช่วยให้ค้นหาเนื้อปลายทาง (Featured Snippet) ได้ง่ายขึ้น
  • ใช้เป็นแนวทางในการวางแผนคีย์เวิร์ดในแต่ละหัวข้อ
  • รองรับการอ่านโดยเทคโนโลยีคนพิการ (Accessibility)

หลักการจัด Header Tags ที่เหมาะสม

Header tags มีทั้งหมด 6 ระดับ โดยใช้จากหัวข้อหลักไปถึงหัวข้อย่อย ทำให้เว็บดูสม่ำเสมอ เข้าใจง่าย ทั้งสำหรับเจ้าของเว็บและผู้ชม ให้โครงสร้างภายในเพจของคุณเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับเนื้อหา

1. H1 — หัวข้อหลักของหน้า

หัวข้อ H1 ควรมีเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละหน้า ใช้สำหรับชื่อเรื่องใหญ่ที่สุด เช่น ชื่อบทความหรือหัวข้อประเด็นหลัก และควรรวมคีย์เวิร์ดหลักที่ต้องการอันดับไว้ในหัวข้อนี้ด้วย

2. H2 — หัวข้อรองที่แบ่งเนื้อหาให้ชัดเจน

H2 ใช้สำหรับแบ่งหัวข้อเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ ตามหัวข้อรองหรือประเด็นสำคัญ อย่างเช่นในบทความนี้ H2 คือ "ทำไม Header Tags (H1–H6) จึงสำคัญกับ SEO?" และ "หลักการจัด Header Tags ที่เหมาะสม"

3. H3 – H6 — หัวข้อย่อยเพิ่มเติม

H3, H4, H5, และ H6 คือหัวข้อที่ใช้สำหรับรายละเอียดรายละเอียดย่อยได้อีก เช่น ถ้าคุณมีหลายหัวข้อย่อยภายใต้ H2 ก็ใช้ H3 ได้เลย แล้วถ้ามีรายละเอียดลึกลงไปอีก สามารถใช้ H4, H5, หรือ H6 ตามลำดับ ไม่ควรข้ามจาก H2 ไป H4 โดยไม่เรียงตามลำดับ เพื่อไม่ให้โครงสร้างสับสน

ตัวอย่างโครงสร้าง Header Tags ที่ดี

<h1>ชื่อหัวข้อหลักของบทความ</h1>
  <h2>หัวข้อรอง 1</h2>
    <h3>หัวข้อย่อยของหัวข้อรอง 1</h3>
  <h2>หัวข้อรอง 2</h2>
    <h3>หัวข้อย่อยของหัวข้อรอง 2</h3>
      <h4>หัวข้อย่อยลึกลงไปอีก</h4>

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อ Search Engine แล้ว ผู้อ่านจะได้เข้าใจโครงสร้างบทความและสามารถเลือกอ่านเนื้อหาส่วนที่สนใจได้ง่ายขึ้นด้วย

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้ Header Tags

  • ใช้ H1 หลายครั้งในหนึ่งหน้า (ควรใช้ H1 เดียว)
  • ข้ามลำดับหัวข้อ เช่น จาก H2 กระโดดไป H4
  • ใช้ Headers เพื่อจัดสไตล์อย่างเดียว (ควรใช้เพื่อโครงสร้าง ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม)
  • ไม่ใส่คีย์เวิร์ดสำคัญไว้ในหัวข้อ

ใช้เครื่องมือ Content Optimizer จาก SEOtoolbox.io ช่วยตรวจสอบ Header Tags

การเขียนคอนเทนต์อย่างมืออาชีพ ไม่ใช่เพียงแค่เรียบเรียงเนื้อหาดีเท่านั้น แต่ต้องให้แน่ใจว่าโครงสร้างถูกรองรับต่อ SEO ด้วย Content Optimizer Tool จะช่วยวิเคราะห์ทั้งคีย์เวิร์ดและโครงสร้าง Header Tags พร้อมแนะนำจุดปรับปรุง เพิ่มโอกาสติดอันดับจริง

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Content Optimizer Tool

  • ตรวจสอบว่าใช้ H1–H6 ได้ถูกต้องหรือไม่
  • แนะนำคีย์เวิร์ดที่ควรเพิ่มในหัวข้อแต่ละระดับ
  • เปรียบเทียบกับคู่แข่งว่าใช้โครงสร้าง Header Tags อย่างไร
  • วิเคราะห์คอนเทนต์แบบเจาะลึก พร้อมให้ Actionable Insights

นอกจากนั้นแล้ว หากต้องการตรวจสอบประสิทธิภาพภาพรวมของเว็บไซต์ สามารถใช้ Website Audit Tool เพื่อรายงานสุขภาพ SEO ของคุณแบบอัตโนมัติ ช่วยชี้จุดอ่อนและแนะนำแนวทางแก้ไขได้ทันที

เพิ่มความสะดวกด้วย AI Content Writer Tool

ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นผลิตคอนเทนต์หรืออยากได้ไอเดียการตั้ง Header Tags ที่เหมาะสม AI Content Writer Tool จะช่วยสร้างบทความที่จัดโครงสร้างหัวข้อให้เหมาะสมกับ SEO ตั้งแต่แรก เรียกได้ว่าประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพไปพร้อมกัน

สรุปและข้อแนะนำ

  • โครงสร้าง Header Tags ที่ดีควรเรียงตามลำดับ H1-H6
  • ควรมี H1 เดียวต่อหนึ่งหน้า ไม่ควรข้ามหัวข้อกลางทาง
  • ใช้คีย์เวิร์ดเป้าหมายในหัวข้อสำคัญ
  • ใช้งาน Content Optimizer Tool หรือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ใช้ Website Audit Tool เพื่อตรวจสอบสุขภาพและข้อผิดพลาด SEO อย่างต่อเนื่อง

เริ่มต้นสร้างโครงสร้างเว็บที่ถูกต้องได้ตอนนี้เลย เพียง สมัครใช้งานที่นี่ แล้วให้เครื่องมือ Content Optimizer และ Website Audit Tool ทำงานแทนคุณ!

การกำหนดราคา

เริ่มทดลองใช้งานฟรีวันนี้!

คุณสามารถยกเลิก อัพเกรด หรือดาวน์เกรดได้ตลอดเวลา

Professional

$59/month

เริ่มต้นใช้งาน
    • ตัวติดตามการมองเห็น AI (5 AI prompts tracked daily)
    • เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา (10 articles per month included)
    • นักเขียนเนื้อหา AI (5 articles included)
    • ติดตามอันดับคีย์เวิร์ด (500 keywords included)
    • การตรวจสอบเว็บไซต์
    • การจัดการโครงการ (Unlimited)
      • ผู้ใช้งาน (Unlimited)
      • การบูรณาการ
      • อัพเดทอันดับรายวัน
      • ตัวสำรวจคีย์เวิร์ด
      • ตัวตรวจสอบ SEO บนหน้า
      • โปรไฟล์แบ็คลิงค์
      • การติดตามคู่แข่ง

    Agency

    $149/month

    เริ่มต้นใช้งาน
      • ตัวติดตามการมองเห็น AI (10 AI prompts tracked daily)
      • เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา (20 articles per month included)
      • นักเขียนเนื้อหา AI (10 articles included)
      • ติดตามอันดับคีย์เวิร์ด (1000 keywords included)
      • การตรวจสอบเว็บไซต์
      • การจัดการโครงการ (Unlimited)
      • ผู้ใช้ไคลเอนต์
      • รายงานแบรนด์
      • โดเมนที่กำหนดเอง
      • ผู้ใช้งาน (Unlimited)
      • ผู้ใช้ไคลเอนต์ (Unlimited)
      • การบูรณาการ
      • อัพเดทอันดับรายวัน
      • ตัวสำรวจคีย์เวิร์ด
      • ตัวตรวจสอบ SEO บนหน้า
      • โปรไฟล์แบ็คลิงค์
      • การติดตามคู่แข่ง

    ดูเครื่องมือและคุณสมบัติทั้งหมด

    เครื่องมือของเรามีคุณลักษณะต่างๆ มากมายเกินกว่าที่จะอธิบายได้ในหน้านี้ คุณสามารถรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้โดยคลิกลิงก์ด้านล่าง